กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม รายงานความคืบหน้าการก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำปิง จว. ตาก คาดว่าเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2565 กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำปิง ตำบลวังหิน และหนองบัวใต้ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและการขนส่งภายในจังหวัด ลดระยะเวลาการเดินทางระหว่างชุมชน ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการยกระดับมาตรฐานงานทางและสะพานในโครงข่ายเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพความสะดวกปลอดภัย พร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคต
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานการมีส่วนร่วมภาคประชาชนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง อำเภอเมือง จังหวัดตาก พบว่าประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำปิงส่วนใหญ่ประกอบวิสาหกิจชุมชนและทำเกษตรกรรม ในแต่ละวันจึงมีจำนวนผู้ใช้รถใช้ถนน ในการขนส่งสินค้าและพืชผลทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก ประกอบกับสะพานข้ามแม่น้ำแต่ละแห่งตั้งอยู่ห่างกัน ส่งผลให้ประชาชนได้รับความไม่สะดวกและต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางระหว่างสองฝั่งเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น ทช. จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง ตำบลวังหิน และหนองบัวใต้ อำเภอเมือง จังหวัดตาก โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณหมู่ 5 บ้านวังหิน ตำบลวังหิน และสิ้นสุดโครงการบริเวณหมู่ 1 บ้านหนองปรือ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอเมือง จังหวัดตาก ซึ่งก่อสร้างเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 390 เมตร ความกว้าง 8 เมตร และทางเท้าข้างละ 1.50 เมตร พร้อมก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กต่อเชื่อมทั้งสองฝั่งของสะพาน โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 77,369,000 บาท
ปัจจุบันมีความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 68 อยู่ในระหว่างการก่อสร้างงานพื้นสะพานช่วงที่ 3 และช่วงที่ 4 จากส่วนที่เหลือทั้งหมด 7 ช่วงพื้นสะพาน งานราวสะพาน และงานก่อสร้างถนนต่อเชื่อมสะพาน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2565 เมื่อโครงการดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางระหว่างตำบลและหมู่บ้าน ช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางและขนส่งพืชผลทางการเกษตรไปยังพื้นที่ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำได้อย่างสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย ตลอดจนสามารถรองรับปริมาณการจราจรที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากการขยายตัวของเมืองสู่ชุมชนในอนาคต
หมออุดม ได้ คาดการณ์ยอดผู้ป่วยโควิดสิ้นเดือน น่าจะอยู่ที่ราวๆ 17,000-18,000 ราย ห่วงยอดแตะสองหมื่น บุคลากรแพทย์เหนื่อยมาก
นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ว่ายอดผู้ป่วยโควิดในปัจจุบันยังอยู่ในการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข
ขณะนี้ติดประมาณ 15,000 คน คาดว่าปลายเดือนนี้น่าจะขึ้นไปถึง 17,000-18,000 คน และหวังว่าจะไม่ถึง 20,000 คน จึงขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกัน
นพ.อุดม กล่าวว่า ทุกคนอึดอัดมา 2 ปี ก็อยากผ่อนคลายและให้เรื่องเศรษฐกิจเดินไปได้ จึงคิดว่ามีปัจจัยที่จะเอื้อ เพราะดูจากตัวเลขผู้เจ็บป่วยรุนแรงน้อยลง เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. ที่มีคนเป็นปอดอักเสบในช่วงนั้น 5,000-6,000คน แต่ตอนนี้เหลือ 500 คน คือลดลงไป 10 เท่า
ส่วนผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายในช่วงนั้น 500-600 คน ตอนนี้เหลือ 110 คน ลดลง 10 เท่า ตนคิดว่าเป็นข้อดีที่ไม่รุนแรง และอย่างน้อยเราสู้ไหว ด้านสาธารณสุขเราเพียงพอมีกำลัง ระบบทุกอย่าเซ็ตไว้ดีหมดแล้ว
ตอนนี้เป็นห่วงไม่อยากให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเยอะเกินไป เพราะถ้าตัวเลขเยอะมากสัดส่วนของผู้ป่วยหนักที่ตอนนี้น้อยกว่าเดิม 10 เท่า มันก็จะสูงขึ้นเป็นไปตามอัตราส่วน จึงไม่อยากให้ตัวเลขทะลุถึง 20,000 คน ถ้าถึงเมื่อไหร่ บุคลากรทางการแพทย์จะเหนื่อยมาก ตอนนี้เริ่มล้าแล้ว
ศบค. เผยเตรียม ลดราคา ATK เหลือ 55 บาท เริ่ม 1 มี.ค.
ที่ประชุม ศบค. เคาะ ลดราคา ATK เหลือ 55 บาท และลดราคาการตรวจ RT-PCR เริ่ม 1 มี.ค. หลัง สปสช. เชื่อความต้องการตรวจโควิดจะเพิ่มขึ้น
นาย แพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงถึง ผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการประชุม ได้ออกมาเปิดเผยว่านับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค ทาง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. เตรียมปรับลดราคาการตรวจโควิด
หลังจากที่มีคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 1 มี.ค. จะมีความต้องการในการตรวจหาโควิดมากขึ้น โดยราคาตรวจ ATK จาก 80 บาท ลดลงเหลือ 55 บาท
ส่วน การตรวจ ATK โดยหน่วยบริการจะลดลงเหลือไม่เกิน 250 บาทเช่นเดียวกันกับการตรวจ RT-PCR จะลดลงจาก 1200 บาท เหลือ 900 บาท ซึ่งในสไลด์ที่ปรากฏในระหว่างงานแถลงยังได้ระบุด้วยว่า การตรวจหาโควิดตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไปน่าจะสูงถึง 130,000 รายต่อวัน
หนึ่งในหัวข้อบทสนทนาที่อาจจะเคยถูกมองว่าเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มเมื่อปีหรือสองปีที่แล้ว แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นหัวข้อที่อยู่ในกระแสหลักมากขึ้นก็คือเรื่องของ “ศิลปะ” เนื่องจากว่าศิลปะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและถูกแปลงให้เป็นศิลปะแบบดิจิทัลบนโลกออนไลน์ การพูดคุยเรื่อง #fanart ได้เติบโตขึ้น และเรายังเล็งเห็นชุมชน #nftcommunity คอนเน็คกันบนทวิตเตอร์เพื่อพูดคุยเรื่องการเป็นเจ้าของศิลปะดิจิทัลในรูปแบบของ non-fungible tokens (#nft) นอกจากนี้คนไทยยังเข้ามาร่วมวงพูดคุยกันในเรื่องของการออมและการลงทุนทำให้บทสนทนาที่เคยเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มกลายเป็นหัวข้อที่อยู่ในกระแสหลัก เนื่องจากคนไทยกำลังพยายามพัฒนาสถานะทางการเงินของตัวเองในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19
Credit : 12eight.org 2aokhoacnu.net abenteurergilde.net aecei.org affordablelifeinsurancequotes.info agips.org airmaxtnfrance.info animationdesoireekaraoke.com aokhoacphaonu.net archeologiavideoludica.net